การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ชิงถ้วยพระราชทานคิงสคัพ ครั้งที่ 29 ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นนทบุรี เมื่อ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นการชกในรอบก่อนรองชนะเลิศ หรือรอบ 8 คนสุดท้าย โดยที่ถือเป็นคู่เอก ได้แก่รุ่นเวลเตอร์เวต (69 กก.) มนัส บุญจำนงค์ (ไทย A) นักชกเหรียญทองโอลิมปิก 2004 เอเธนส์เกมส์ เจอกับ ซาเซคมาเยฟ มาคิท จากคาซัคสถาน ซึ่งถือเป็นการเจอกันระว่างนักชกเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 15 โดฮาเกมส์ เพราะมนัสเป็นเจ้าของทองโดฮาเกมส์รุ่น 64 กก.ส่วนมาคิทเป็นเจ้าของเหรียญทองรุ่น 69 กก. เปิดฉากการชกในยกแรก มาคิทเปิดฉากบุกแลกหมัดทันที แต่มนัสเบียดออกซ้าย-ขวา แล้วดักชกได้แม่นกว่า นำก่อน 7-2 หมัด ขึ้นยก 2 มนัสยังดักชกได้สวยนำห่าง 15-5 หมัด และ 18-10 หมัดในยก 3 แต่ในยก 4 มาคิท เบียดเข้าชกเร็วขึ้นในขณะที่มนัสเจอแรงปะทะเข้าไปเริ่มออกอาการหมดแรงเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น จนโดนกรรมการนับ 8 ถึง 2 ครั้ง และถ้าโดนนับอีกจะโดนจับแพ้ทันที ทำเอาแฟนมวยชาวไทยหายใจไม่ทั่วท้อง แต่มนัสเต้นหนีได้จนครบยก และเอาชนะคะแนนไปหวุดหวิด 23-18 หมัด ลอยลำเข้ารอบรองฯ ไปตัดเชือกกับ มามาดาเคียฟ เซอร์เรียล จากทาจิกิสถาน ที่ชนะคะแนน ออฮาน อ๊อซตรู๊ค จากเนเธอร์แลนด์ 33-11 หมัด
หลังชก มนัส เปิดเผยว่า ตนคงไม่ชกในรุ่น 69 กก. ในระดับนานาชาติอีกแล้ว เพราะสู้แรงเบียด แรงปะทะไม่ไหว ทำให้ในยกสุดท้ายหมดแรงจริง ๆ เหมือนเอารถมอเตอร์ไซค์ไปชนกับรถบรรทุก จะกลับไปชกในพิกัด 64 กก. เหมือนเดิม ตอนนี้ผ่านนักชกรายนี้มาแล้ว มั่นใจได้เหรียญทองแน่ เพราะเป็นตัวเก่งที่สุดของรุ่นนี้ โดยในรอบรองฯ ที่จะเจอกับนักชกทาจิกิสถานก็ไม่หนักใจอะไร
สำหรับผลการชกของนักชกไทยในรุ่นอื่น ๆ ได้แก่ ไลต์ฟลายเวต (48 กก.) ฉัตรชัย บุตรดี (ไทย B) แพ้คะแนน โดสเทียฟ เชอรารี่ (ทาจิกิสถาน) 9-20 หมัด, อำนาจ รื่นเริง (ไทย A) หรือ เพชร ป.บูรพา ชนะคะแนน ศรีคราม วงประคุณ (ลาว) 16-8 หมัด เข้าไปตัดเชือกกับ ซู ซี หมิง นักชกเหรียญทอง "โดฮาเกมส์" จากจีน ที่ชนะ พูเรฟโดรี่ เชอร์ดัมบ้า (มองโกเลีย) 25-11 หมัด, ไลต์เวต (60 กก.) สายลม อาดี (ไทย A) ชนะผ่าน ซาคาเรีย ดาบาเอ้ (ซีเรีย) เข้าไปตัดเชือกกับ มาหมัดโจนอฟ บาโฮเดียร์ (อุซเบกิสถาน) ที่ชนะคะแนน เยเรอูฟ เซริก (คาซัคสถาน) 26-14 หมัด, เวลเตอร์เวต (69 กก.) อังคาร ชมภูพวง (ไทย B) ชนะอาร์เอสซีเอาต์สกอร์ ยก 2 คาเล็ด อาลาเซมี่ (คูเวต) เข้าไปตัดเชือกกับ ยูโซฟ เบโซเบ็ค (อุซเบกิสถาน) 25-7 หมัด, ไลต์เฮฟวี่เวต (81 กก.) เกรียงไกร สุขคุ้ม (ไทย A) แพ้อาร์เอสซีเอาต์สกอร์ ยก 3 ดิเนส คูร์มาร์ (อินเดีย)
สรุปนักชกไทยผ่านเข้าตัดเชือก 6 รุ่น เป็นนักชกไทย A 5 รุ่น ได้แก่ ไลต์ฟลายเวต (48 กก.) อำนาจ รื่นเริง พบ ซู ซี หมิง (จีน), ฟลายเวต (51 กก.) สมจิตร จงจอหอ เจอ ลุฟซานเซเรน ซิเอร์ (มองโกเลีย), ไลต์เวต (60 กก.) สายลม อาดี พบ มาหมัดโจนอฟ บาโฮเดียร์ (อุซเบกิสถาน), ไลต์เวลเตอร์เวต (64 กก.) พิชัย สาโยธา พบ อาร์ติคอฟ โซเคียร์ (อุซเบกิสถาน), เวลเตอร์เวต (69 กก.) มนัส บุญจำนงค์ พบ มามาดาเคียฟ เซอร์เรียล (ทาจิกิสถาน) และ ไทย B 1 รุ่น ได้แก่รุ่น 69 กก. อังคาร ชมภูพวง พบ ยูโซฟ เบโซเบ็ค (อุซเบกิสถาน)
"เสธ.ทวีป" พลเอกทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ เผยว่า ในรอบรองฯ ถือเป็นด่านสำคัญ เพราะจะเป็นบทพิสูจน์ว่า ไทยจะได้เข้าชิงฯ กี่รุ่น และมีสิทธิรักษาถ้วยพระราชทานไว้ในเมืองไทยได้หรือไม่ เพราะตอนนี้มีนักชก อุซเบกิสถานเข้าตัดเชือกแทบทุกรุ่น เป็นคู่แข่งสำคัญของไทยที่จะชนะเลิศคะแนนรวม ดังนั้นนักชกที่ตัดเชือกกับอุซเบกิสถานทั้งสายลม, พิชัย และอังคาร ต้องเอาชนะให้ได้ เพื่อตัดคะแนนนักชกอุซ เบฯ ตอนนี้ยังมั่นใจว่านักชกไทยจะได้ไม่ต่ำกว่า 3 ทอง โดย สมจิตร กับ มนัส มีความหวังมากที่สุด.
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=123569&NewsType=1&Template=1